มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ACTION ON SMOKING AND HEALTH FOUNDATION
Press Release
ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
วันที่ 1 ธันวาคม 2568
วันที่ข่าวตีพิมพ์ : สามารถเผยแพร่ได้ทันที
กรุงเทพมหานคร ตั้งเป้าพัฒนาเมืองปลอดบุหรี่ในทุกมิติ เพื่อคุ้มครองสุขภาพชาว กทม. และนักท่องเที่ยวจากอันตรายของควันบุหรี่มือสอง โดยผนึกกำลังทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม และจัดระบบการบังคับใช้กฎหมาย
ดร.วรชล ถาวรพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กรุงเทพมหานคร แถลงในโอกาสที่เป็นเจ้าภาพจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ “เมืองปลอดบุหรี่: ถอดบทเรียนความสำเร็จการบังคับใช้กฎหมายเมืองอิโลอิโล ประเทศฟิลิปปินส์" ว่า “กรุงเทพมหานคร จะเดินหน้าสู่การเป็น “มหานครปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า” อย่างเต็มรูปแบบ ให้เป็นมาตรฐานความปลอดภัยของเมืองหลวง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็ก เยาวชน และครอบครัวของคนกรุงเทพฯ ให้ปลอดภัยจากควันบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า โดยมีมาตรการสำคัญประกอบด้วย 1) สร้างพื้นที่ปลอดควันบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า 2) ปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า 3) เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการเลิกสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า และ 4) ขับเคลื่อนเมืองปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าด้วยความร่วมมือของทั้งสังคม”
การประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้แทนเมืองอิโลอิโล ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นเมืองต้นแบบที่มีการบริหารจัดการด้านการคุ้มครองสุขภาพของประชาชนจากอันตรายของควันบุหรี่และไอบุหรี่ไฟฟ้า จนได้รับรางวัล ASEAN Smoke-free Award 2024 ระดับเหรียญทอง จากสำนักเลขาธิการอาเซียน
นาย Alan Zaldivar สมาชิกสภาและประธานคณะกรรมการสุขภาพ เมืองอิโลอิโล ประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างเมืองอิโลอิโลและกรุงเทพมหานคร จะเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในการสร้างเมืองในอาเซียนให้ปลอดบุหรี่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของพลเมือง ขณะที่ นาย Inigo D.Garingalao ผู้อำนวยการบริหาร คณะทำงานเมืองอิโลอิโลปลอดบุหรี่ ได้เน้นย้ำถึงกลไกภาคปฏิบัติว่า “ความสำเร็จของเมืองปลอดบุหรี่ไม่ได้มาจากการออกกฎหมายเท่านั้น แต่มาจากการบังคับใช้ที่ต่อเนื่อง เมืองอิโลอิโลได้สร้างทีมบังคับใช้กฎหมายเฉพาะกิจ (Task Force) ที่ทำงานร่วมกับหน่วยงานเทศกิจและตำรวจในการเฝ้าระวังอย่างเป็นระบบ กลไกการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็งต้องเริ่มตั้งแต่กระบวนการออกกฎหมาย บุคลากร และหน่วยงานที่รับผิดชอบ งบประมาณ ไปจนถึงการจัดตั้งกลไกการตรวจสอบ การเฝ้าระวัง และการลงโทษที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเปลี่ยนกฎหมายบนกระดาษเป็นสุขภาพที่ดีของประชาชน"
การประกาศเป้าหมายของกรุงเทพมหานครครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมอย่างเต็มที่ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า “ประเทศไทยยังต้องให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสุขภาพประชาชนจากอันตรายของควันบุหรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบังคับใช้กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ซึ่งในเรื่องนี้ ประเทศไทยได้รับคะแนนจากการประเมินขององค์การอนามัยโลกอยู่ที่ 6 คะแนนจาก 10 คะแนนเต็ม อันจะเห็นได้จากคนไทยที่ไม่ได้สูบบุหรี่มากถึง 34 ล้านคน กลับได้รับควันบุหรี่จากคนรอบตัวที่สูบบุหรี่ โดยเฉพาะที่บ้าน ซึ่งอัตราการได้รับควันบุหรี่ของคนไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศแล้วอยู่ในระดับที่สูงมาก จากข้อมูลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 6 (พ.ศ. 2562) พบคนไทย 70% ยังได้รับควันบุหรี่มือสอง โดยผู้หญิงได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่มือสองจากที่บ้าน 68% มากกว่าผู้ชายได้รับควันบุหรี่มือสองจากบ้าน 47%”
ขณะที่ นพ.ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “กรมควบคุมโรคย้ำความมุ่งมั่นในการทำงานเคียงข้างกรุงเทพมหานคร โดยร่วมพัฒนามาตรการพื้นที่ปลอดบุหรี่ การเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร และการขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุกในสถานศึกษา พื้นที่สาธารณะ และระบบขนส่งมวลชน เราหวังให้ความร่วมมือนี้ นำไปสู่การสร้างสภาพแวดล้อมปลอดควันอย่างแท้จริง และผลักดันกรุงเทพมหานครให้เป็นต้นแบบ “เมืองปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า” เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้ใช้ชีวิตในอากาศบริสุทธิ์และมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน”
นพ.พงษ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า สสส. ร่วมสนับสนุนเป้าหมาย “กรุงเทพฯ มหานครปลอดบุหรี่” เพื่อสร้างเมืองที่ปกป้องสุขภาพประชาชน ด้วยมาตรการที่เข้มแข็ง มีระบบเข้าถึงง่าย และรองรับความต้องการของประชาชนทุกช่วงวัย ผ่านการดำเนินงาน 3 ด้าน
1.สนับสนุนเครื่องมือ นวัตกรรม ระบบสำรวจการสูบบุหรี่ในเยาวชน ระบบรายงานพื้นที่เสี่ยง และการสื่อสารที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่
2.พัฒนาศักยภาพบุคลากร ครู แกนนำชุมชน ผู้บริหารเขต และอาสาสมัคร ให้มีทักษะการให้คำปรึกษา จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดควัน ป้องกันเยาวชนเข้าถึงบุหรี่
3.สนับสนุนความร่วมมือเชิงนโยบายและงบประมาณ ขับเคลื่อนพื้นที่ปลอดบุหรี่ในโรงเรียน ตลาด ชุมชน เพราะการที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครปลอดบุหรี่ ไม่ใช่แค่การลดจำนวนผู้สูบ แต่คือการสร้างเมืองที่ทุกคนหายใจได้อย่างปลอดภัย
การแถลงเป้าหมายครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นรูปธรรมในการผลักดันให้กรุงเทพมหานครก้าวสู่การเป็นเมืองหลวงปลอดบุหรี่ต้นแบบในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ การประชุมจะมีขึ้นต่อเนื่องระหว่างวันที่ 1-2 ธันวาคม โดยจะนำบทเรียนเมืองอิโลอิโล แบ่งปันให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบส่วนกลางและท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การวางแผนปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ต่อไป
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ นางสาวอุรพี จุลิมาศาสตร์ 086-655-8284