ผนึกกำลังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขับเคลื่อน อปท.ปลอดบุหรี่



คอลัมน์ : อปท.ปลอดบุหรี่

ผนึกกำลังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขับเคลื่อน อปท.ปลอดบุหรี่

เมื่อวันที่ 7 - 8 ธันวาคม 2563 มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้เวทีคืนข้อมูลแลกเปลี่ยนเรียนรู้และลงนามความร่วมือเพื่อ อปท.ปลอดบุหรี่ ภายใต้การขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปลอดบุหรี่ ณ โรงแรมอมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

โดยในวันที่ 7 ธันวาคม เป็นการพัฒนาหลักสูตร “การควบคุมการบริโภคยาสูบในระดับท้องถิ่น” เพื่อเปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาการสูบบุหรี่ในพื้นที่โดยใช้ข้อมูลเป็นฐาน มีการอบรมเชิงปฏิบัติการ การใช้เครื่องมือเพื่อจัดเก็บข้อมูลสถานการณ์การสูบบุหรี่ของพื้นที่ 3 ชุด โดยชุดข้อมูลประกอบด้วย 1) พฤติกรรมการบริโภคยาสูบ 2) การปฏิบัติตามกฎหมายของสถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบ 3) สถานที่สาธารณะปลอบุหรี่ และทุกพื้นที่ที่มาเข้าร่วมได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในวันนี้ จึงจัดขึ้นเพื่อนำข้อมูลข้างต้นมาพัฒนาต่อยอด ไปสู่แผนปฏิบัติการควบคุมยาสูบของพื้นที่ โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวน 157 คน ซึ่งมาจาก อปท. ทั้งระดับ เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล 46 แห่ง ใน 29 จังหวัด จำนวน 129 คน และ สื่อท้องถิ่นในจังหวัดของ อปท. จำนวน 28 คน และในวันนี้ 8 ธันวาคม ณ ห้องจูปิเตอร์ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่น ได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ว่าด้วยการสนับสนุนงานควบคุมการบริโภคยาสูบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะเกิดความร่วมมือระหว่าง 7 หน่วยงาน คือ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาไทย, กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.), สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย, สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย และมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ซึ่งมีสักขีพยานเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 45 แห่ง

ในการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ ได้รับเกียรติจาก นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดี กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นายทวี เสริมภักดีกุล รองอธิบดี กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย นายเกรียงศักดิ์ ว่องไว อุปนายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย และ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

ซึ่ง ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์ฯ ได้ให้ข้อมูลบนเวทีว่า สหประชาชาติได้ระบุไว้อย่างชัดเจนในพิมพ์เขียวถึงเป้าหมายสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ว่า ยาสูบนอกจากเป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายการมีสุขภาพที่ดี ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อเป้าหมายการขจัดความยากจนทุกระดับ และเป้าหมายการศึกษาที่ดีในครอบครัวยากจนที่มีคนสูบบุหรี่ ทางด้านนายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวที่ผู้สูบบุหรี่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ ในพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 จึงได้กำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มีตัวแทนส่วนราชการต่างๆ ในจังหวัด 13 หน่วยงาน รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิสาขาต่าง ๆ อีก 6 สาขาเป็นกรรมการ และมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นเลขานุการ

โดยกำหนดให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายในเขตจังหวัดซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้ง จำนวน 3 คน ร่วมเป็นกรรมการ เพื่อขับเคลื่อนแผนงานควบคุมยาสูบจังหวัด ด้วยเห็นว่า อปท. มีศักยภาพ และทรัพยากรในการป้องกันปัญหาอันเกิดจากการสูบบุหรี่ของประชากรในพื้นที่ที่รับผิดชอบได้เป็นอย่างดี

นายทวี เสริมภักดีกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสอันดีที่เกิดความร่วมมือเพื่อสนับสนุนงานควบคุมการบริโภคยาสูบในระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นไปตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสนอแนะไว้การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนากลไก การจัดการระดับท้องถิ่น โดยระดมความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม อสม. และชุมชน ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้คนในชุมชนป่วยด้วยโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ลดการได้รับควันบุหรี่มือสอง ลดภาระระบบบริการสาธารณสุขของจังหวัด ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อบุหรี่และรักษาโรค รวมไปถึง ลดจำนวนเด็กที่จะติดบุหรี่ โดยบทบาทในการป้องกันสุขภาพของคนในชุมชน เป็นการบริการสาธารณะ อันเป็นพันธกิจหนึ่งที่ท้องถิ่น ตระหนัก และหาแนวทางเพื่อปกป้องสุขภาวะของคนในชุมชนอย่างสม่ำเสมอ

นายแพทย์ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถขับเคลื่อนมาตรการป้องกันการสูบบุหรี่ในชุมชนได้ โดยใช้กลไกของกองทุนหลักประกันสุขภาพที่มุ่งเน้นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทในการบริหารจัดการกองทุนได้เลย และเป็นงบประมาณจำนวนที่มากพอ เพราะนอกเหนือจากจะได้รับจัดสรรจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ยังมีเงินสมทบจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรายได้อื่น ๆ ร่วมอีกด้วย

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การควบคุม และลดการสูบบุหรี่ เพื่อปกป้องสุขภาพประชาชนให้ปลอดภัยจากควันบุหรี่ ถือเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของ สสส. และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สสส. ตระหนักถึงบทบาทสำคัญขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จะมีส่วนร่วมในการการสร้างเสริมสุขภาพในประเด็นต่าง ๆ อาทิ การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ การดูแลเด็กปฐมวัย การดูแลสุขภาพ การควบคุมสารเสพติด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการสูบบุหรี่ในชุมชน ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จึงถือเป็นการส่งสัญญาณไปถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ว่ามีหลากหลายหน่วยงานที่พร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนงานควบคุมการบริโภคยาสูบ อันจะนำไปสู่การลดอัตราการสูบบุหรี่ที่ยังมีอยู่สูงในระดับพื้นที่ในอนาคต นับเป็นความร่วมมือที่จะขับเคลื่อนงานให้ อปท.ปลอดบุหรี่อย่างจริงจังทั่วประเทศ เพื่อสังคมประเทศไทยปลอดบุหรี่ 100%

ที่มา : สุขสันต์ เสลานนท์

Smartnews เผยแพร่ 16 ธันวาคม 2563

topic

  • เดินหน้ารณรงค์ลดนักสูบหน้าใหม่ สร้างความรู้เท่าทันภัยบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
  • เครือข่ายสื่อมวลชนจับมือเครือข่ายครู ผนึกกำลังระดมแผนปฏิบัติการณ์
  • ชวนนักศึกษามอบของขวัญปีใหม่ให้ตนเอง “สุขภาพแข็งแรง เริ่มต้นด้วยการไม่สูบบุหรี่”
  • หัวใจวายขณะวิ่ง อันตรายที่คาดไม่ถึง
  • รวมพลัง Gen Z รู้เท่าทัน (บริษัท) บุหรี่ไฟฟ้า
  • ผนึกกำลังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขับเคลื่อน อปท.ปลอดบุหรี่
  • เพิ่มพื้นที่ปลอดบุหรี่ 4 ศูนย์ รอบรั้วมทร.พระนคร
  • องค์การอนามัยโลก ตั้งเป้า 100 ล้านคนทั่วโลกเลิกบุหรี่ได้ในปีหน้า
  • เทคนิคการสร้างพลังใจเพื่อช่วยสามเณรให้เลิกสูบบุหรี่
  • มติมหาเถรสมาคม แนวทางการปฏิบัติวัดปลอดบุหรี่ และปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามกฎหมาย